“รมว.นฤมล” เร่งส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดให้เกษตรกร พร้อมหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนอาชีพ
ตั้งเป้ายกระดับผลผลิตสินค้าเกษตรไทย

        ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการจัดหาแหล่งน้ำและสนับสนุนระบบกระจายน้ำเพื่อทำเกษตรกรรม เร่งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนการประกอบอาชีพของเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่มีความเข้มแข็ง สามัคคี พร้อมพัฒนาทักษะ และเตรียมความพร้อมยกระดับผลผลิตในการเกษตร

       โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เป้าหมายนำร่อง การส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570 แบ่งเป็นปี 2568 มีจำนวน 46 พื้นที่ ใน 26 จังหวัด ปี 2569 มีจำนวน 50 พื้นที่ใน 28 จังหวัด และปี 2570 มีจำนวน 55 พื้นที่ ใน 30 จังหวัด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่พัฒนาองค์ความรู้ ไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

         สำหรับผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมอาชีพและการตลาด ประจำปี 2567 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านการดำเนินโครงการ อาทิ 1) โครงการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 3,4 และ 5 2) โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองโพงโพด พร้อมระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 3) การพัฒนาและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตร ประมง และปศุสัตว์ และ 4) ส่งเสริมการรวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เป็นต้น ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ รวม 25,135 ราย จาก 357 พื้นที่โดยแบ่งตามกรอบกิจกรรม 7 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการพัฒนาที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นฐานข้อมูล Zoningมีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 4,896 ราย  2) ด้านพัฒนาแหล่งน้ำการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานมีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 3,726 ราย 3) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ มีเกษตรกรได้ที่รับประโยชน์ 10,224 ราย 4) ด้านการส่งเสริมการรวมกลุ่มมีสถาบันที่จัดตั้งใหม่ 49 แห่ง 5) ด้านการสนับสนุนเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 1,451 ราย6) ด้านการส่งเสริมและการจัดทำบัญชีครัวเรือน มีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 1,000ราย และ 7) ด้านอื่น ๆมีเกษตรกรได้ที่รับประโยชน์ 3,838 ราย