“รมช.อิทธิ” ไถ่ชีวิตโค “โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ” พร้อมมอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน ช่วยเกษตรกรประสบภัยน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี
นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีไถ่ชีวิตโค โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนสุราษฎร์ธานีโมเดล จำนวน 52 ตัว พร้อมกันนี้ ได้มอบเมล็ดพันธุ์หญ้า และหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน จำนวน 10 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ณ ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ เป็นโครงการตามพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีโค-กระบือไว้ใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้ง โครงการธนาคารโค-กระบือฯ ยังเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ โดยวิธีการรวมกลุ่ม และใช้ประโยชน์จากโค-กระบือให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ประโยชน์จากมูลโคเป็นแก๊สชีวภาพ หรือใช้เป็นปุ๋ยคอกทดแทน ปุ๋ยเคมีบางส่วนเพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งเป็นการสนับสนุน การใช้แรงงานจากสัตว์เพื่อการเกษตร ตลอดจนเสริมสร้างการพื้นฟูและอนุรักษ์ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรฯ จำนวน 429 ราย ในพื้นที่ 15 อำเภอ
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ ยังได้ดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนสุราษฎร์ธานีโมเดล โดยนำร่องกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยกิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงโค ตามโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรฯ เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ขาดกำลังในการจัดหาโคเพื่อมาเลี้ยงใช้แรงงาน อีกทั้งเพื่อให้มีผลผลิตและรายได้เพิ่มมากขึ้น
รมช.อิทธิ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ภัยพิบัติภาคใต้ด้วยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาและเยียวยาเบื้องต้นให้รวดเร็ว สำหรับสถานการณ์อุทกภัย จ.สุราษฎร์ธานี นั้น ปัจจุบันยังมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ จึงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงวันที่ 14 -16 ธันวาคม 2567 (ข้อมูลวันที่ 14 ธันวาคม 2567) ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยโดยเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เร่งสำรวจความเสียหาย เน้นการทำงานเชิงรุก ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที