สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. มุ่งแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าบนพื้นที่สูง ด้วยการนำองค์ความรู้จากโครงการหลวงมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการเผาและเพิ่มพื้นที่สีเขียว ส่งผลให้จุดความร้อน (Hotspot) บนพื้นที่สูงลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสวพส. เปิดเผยว่า ในปี 2566 มีจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ดูแลของสวพส. 8 จังหวัดถึง 7,836 จุด ก่อให้เกิดมลพิษ PM 2.5 ในระดับสูง ก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตของประชาชน ซึ่งในส่วนของการแก้ไขปัญหานั้นทุกส่วนของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ และที่เห็นเป็นประจำทุกปีคือการพ่นน้ำ การดับไฟป่า การจัดทำแนวกันไฟ และอีกหลาย ๆ กิจกรรม ซึ่งยังไม่สามารถที่จะลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมได้
จากปัญหาดังกล่าว สวพส. ได้ขยายองค์ความรู้จากโครงการหลวงมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งการทำการเกษตรแบบไม่เผา โดยการจัดพื้นที่รายแปลงที่เหมาะสม เน้นการใช้พื้นที่น้อยให้มีรายได้มาก ใช้พืชผักที่ขายได้ในราคาสูงและทำได้ตลอดทั้งปี สวพส. ได้ดำเนินงานการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยส่งเสริมการปลูกไม้ผลและกาแฟใต้ร่มเงาในพื้นที่ป่า และการประสานกับหน่วยงานภาคีในการช่วยเหลือชุมชนบนพื้นที่สูงให้มีวิถีชีวิตที่ดีและพอมีพอกินตามหลักปรัชญาเศรฐกิจพอเพียง โดยการทำการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ เมื่อชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีเวลาที่จะดูแลป่าไม้ที่อยู่รอบชุมชนมากขึ้น เพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ทำการเกษตรที่มีไม้ยืนต้น ไม่บุกรุกทำลายป่า โดยการทำเกษตรแบบไม่เผา ส่งผลให้ในปี 2567 นี้ จุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่การดูแลของ สวพส. 8 จังหวัด มีจำนวน 5,137 จุด ลดลงถึง 34 % เมื่อเทียบกับปี 2566
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงสบโขง ตำบลแม่หลอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ดำเนินการโดย สวพส. ถือเป็นต้นแบบสำคัญของการปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรให้สอดคล้องกับธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย สวพส. เริ่มดำเนินงานด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างความคุ้นเคยกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการหลวงที่เน้นการพัฒนาพื้นที่สูงในทุกมิติ ตั้งแต่การทำเกษตรกรรมที่ไม่เผา การจัดการพื้นที่แปลงเกษตรอย่างเหมาะสม ไปจนถึงการปลูกพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องพึ่งพาการเผา ในปี 2567 พื้นที่ในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงสบโขงพบจุดความร้อน (Hotspot) เพียง 1 จุด ชุมชนในพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถทำเกษตรกรรมที่สร้างรายได้ให้ตลอดทั้งปีโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของ สวพส. ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่สมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน แต่ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและป่าอย่างกลมกลืน ซึ่งสิ่งนี้เป็นความตั้งใจของสวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชนบนพื้นที่สูงต่อไป” นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวส่งท้าย