นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่วิกฤตต่อการสูญเสียหน้าดิน โดยมีนายสุรชาติ มาลาศรี รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งเครือข่ายหมอดินอาสา และประชาชน เข้าร่วม ณ โรงเรียนแม่แอบวิทยาคม ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ว่า จังหวัดเชียงรายมีพื้นที่เกษตรกรรมที่เผชิญปัญหาการชะล้างพังทลายของดินกว่า 1.6 ล้านไร่ ส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์และประสิทธิภาพการผลิต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดชันที่เสี่ยงต่อการสูญเสียหน้าดิน และมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนิน “โครงการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่วิกฤตต่อการสูญเสียหน้าดิน” เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน ป้องกันการชะล้างพังทลาย และพัฒนาแปลงต้นแบบสำหรับถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาที่ดินสู่เกษตรกร

       รมช.นเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสถานีพัฒนาที่ดินเชียงรายได้ดำเนินงานระบบอนุรักษ์ดินและน้ำไปแล้ว จำนวน 141,716 ไร่ พร้อมสนับสนุนการขุดสระน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 10,778 บ่อ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและเสริมสร้างการปรับปรุงบำรุงดิน อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่บ้านแม่แอบ เป็นพื้นที่ลาดชันที่เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา ทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินอย่างรุนแรง กรมพัฒนาที่ดินจึงเข้ามาจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ จำนวน 150 ไร่ ทั้งการทำขั้นบันไดดิน ทางลำเลียงน้ำในไร่นา บ่อดักตะกอน และการปลูกไม้ผลผสมผสาน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการสูญเสียหน้าดิน

      “ผลการดำเนินโครงการฯ ช่วยให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ที่ดินลาดชันได้อย่างเหมาะสม ลดการสูญเสียหน้าดิน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้จากการปลูกไม้ผลผสมผสาน อีกทั้งยังทำให้เกษตรกรมีความรู้และเข้าใจการจัดการดินและน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ ถือเป็นความสำเร็จที่สามารถพัฒนาเป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรและประชาชน รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในภาคเหนือต่อไป” รมช.นเรศ กล่าว