“รมว.ธรรมนัส” คัมแบ็กประกาศสงคราม “ปลาหมอคางดำ” เผย กำจัดปลาหมอคางดำแล้ว 7.3 ล้านกิโลกรัม พร้อมเดินหน้าปลดล็อกกฎหมาย IUU ช่วยชาวประมงทั่วประเทศ
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชมโครงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ โดยมี นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่ ณ สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
ร้อยเอก ธรรมนัส เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร ผ่านการจัดทำโครงการต่าง ๆ โดยยึดตาม 7 มาตรการสำคัญ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องเกษตรกรภาคประมง และแก้ไขการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำอย่างครอบคลุมทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 2568) สามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้แล้ว รวมทั้งสิ้น 7,325,234.50 กิโลกรัม อีกทั้ง จากรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวม พบว่า จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดพัทลุง ไม่พบการระบาดของปลาหมอคางดำแล้ว ขณะที่การแพร่ระบาดในพื้นที่อื่นมีปริมาณลดลงเหลือเพียง 17 จังหวัด แบ่งออกเป็น
1) พื้นที่พบความชุกชุมในระดับน้อย (ไม่เกิน 10 ตัวต่อ 100 ตร.ม.) จำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรสงคราม นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา
2) พื้นที่พบความชุกชุมในระดับปานกลาง (มากกว่า 10-100 ตัวต่อ 100 ตร.ม.) จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม ยังคงมอบหมายให้กรมประมงเร่งเดินหน้าขับเคลื่อน “แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 – 2570” อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำอีก
ด้าน นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง กล่าวเสริมว่า นอกจากการกำจัดปลาหมอคางดำ โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ การยางแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาที่ดิน ในการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อมอบให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ปริมาณถึง 4,938,740.50 กิโลกรัม รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนในผลิตเป็นปลาป่นเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปริมาณถึง 2,001,069 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 34 ล้านบาทแล้วนั้น กรมประมง ยังได้สำรวจและศึกษาการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ โดยการปล่อยปลาผู้ล่าให้สอดคล้องกับระบบนิเวศเดิม รวมแล้วกว่า 1,130,600 ตัว ตลอดจนมีการส่งเสริมองค์ความรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาหมอคางดำให้แก่เกษตร เพื่อเป็นการสร้างประโยชน์ปลาหมอคางดำที่ถูกกำจัดออกจากระบบนิเวศ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 กรมประมงมีแผนการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น กุ้งกุลาดำ กุ้งแชบ๊วย ปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลานวลจันทร์ทะเล หอยหวาน หอยตลับ หอยลาย และปูม้า เป็นต้น จำนวนกว่า 78,815,000 ตัว โดยสามารถปล่อยได้แล้วจำนวน 75,705,980 ตัว คิดเป็น 96.6% ของแผนทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการการชดเชยเรือประมงที่จะนำออกนอกระบบทั่วประเทศ จำนวน 923 ลำ วงเงินรวม 1,622,605,300 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมประมง จัดทำขึ้นเพื่อบริหารกองเรือให้มีความสมดุลกับทรัพยากรประมงทะเล และเกิดความยั่งยืนในการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ โดยวิธีการลดจำนวนเรือประมงให้เหมาะสมกับปริมาณทรัพยากรประมงทะเลส่งผลให้ทรัพยากรประมงทะเลฟื้นคืนสู่ระดับที่สามารถให้ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน และเปิดโอกาสให้ชาวประมงสามารถนำเรือประมงไปใช้ในกิจการอื่นนอกภาคประมงได้
ทั้งนี้ มีเรือประมงที่ประสงค์จะออกนอกระบบ จำนวน 804 ลำ และไม่ประสงค์ออกนอกระบบจำนวน 119 ลำ โดยทำการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวน 726 ลำ รวมจำนวน วงเงิน 1,004,956,850 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2568) และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาต่อไป
"คนที่จุดประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำคือตัวผมเอง เพราะมันทำให้พี่น้องชาวประมงเดือดร้อนมันขยายพันธุ์ไวและตายยาก กระทรวงเกษตรฯ จึงต้องหามาตรการจัดการอย่างต่อเนื่อง แม้จะจัดการได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะไม่ยอมแพ้ ต้องปราบให้ได้ ต้องทำให้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันกี่ปี จากนี้จะนำปลาหมอคางดำมาหมักเป็นปุ๋ย เพราะให้ธาตุอาหารแก่พืช ทั้งไนโตรเจน แคลเซียม และโพแทสเซียม ช่วยให้ต้นไม้เติบโตดีขึ้น โดยพรุ่งนี้ตนจะมีการประชุมประธานสหกรณ์ทั่วประเทศไทยที่เมืองทองธานี เพื่อวางแนวทางลดต้นทุนการผลิต ทั้งพืชไร่ พืชสวน และสหกรณ์จะต้องเป็นแหล่งจําหน่าย ปัจจัยการผลิต และจัดหาช่องทางจำหน่าย รวมถึงส่งเสริมการเป็นตลาดและสถาบันรองรับสินค้าการเกษตรที่ผลิตจากชุมชน เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาหมอคางดำ ผมขอยืนยันกับพี่น้องชาวสมุทรสงครามว่า สิ่งที่ผมเคยให้นโยบายไว้จะเดินหน้าต่อให้ถึงที่สุด ตลอดช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดของ ไอยูยู (IUU Fishing) ซึ่งสร้างผลกระทบต่อชาวประมงไทย และดำเนินการแก้กฎหมายไปแล้ว 29 ฉบับ และตอนนี้ พ.ร.บ.หลัก ก็ผ่านกระบวนการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว และระหว่างรอประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ ผมได้มอบหมายให้เร่งจัดทำกฎหมายลูกรองรับ ให้พร้อมบังคับใช้โดยเร็ว" ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว