นายสมศักดิ์ เครือวัลย์ หรือ ผญ.สมศักดิ์ เดิมทำการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่พึ่งพาสารเคมีเป็นหลัก และได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อมาลงทุนแต่ประสบกับภาวะขาดทุนจากสภาพพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่เหมาะสมและมีปัญหาโรคพืชจากการผลิตแบบเดิมๆ และต้นทุนสูง ทำให้ไม่สามารถใช้หนี้ที่กู้ยืมมาได้ จึงพลิกผันตนเองมาทำการเกษตรโดยไม่พึ่งพาสารเคมี โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการไปศึกษาดูงาน ในโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ การทำเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและศึกษาฟาร์มตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ต่อมาเมื่อได้รับเลือกเป็นหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน จึงได้มีโอกาสเดินทางไปอบรมสัมมนาในพื้นที่ต่าง ๆ หลายแห่งโดยใช้เวลาศึกษาเรียนรู้และตัดสินใจนาน 2-3 ปี เพื่อเปลี่ยนมาทำการเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยไม่พึ่งพาสารเคมีทุกชนิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 และทำให้รู้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าลงมือทำจริงๆ สามารถทำให้รวยได้ ไม่ใช่การรวยเงินทอง แต่รวยปัจจัยสี่ ที่อยู่ในสวนในบ้านของเรา”
อายุ 64 ปี
การศึกษา ประถมศึกษาปีที่ 7
สถานภาพ สมรส มีบุตร ธิดา 2 คน ชาย 1 คน หญิง 1 คน
ที่อยู่ 322/1 บ้านสองสลึง หมู่ที่ 8 ตำบลสองสลึง อำเภอแกลง
จังหวัดระยอง 21110
โทรศัพท์ 038-632-281 , 081-982-2404
อาชีพ เกษตรกร
รางวัล หรือประกาศเกียรติคุณที่ได้รับ
- ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2558
- ผู้นำเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2557
- โล่เชิดชูเกียรติคุณ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมจังหวัดระยอง สาขา ภูมิปัญญา ปี 2556
- รางวัลลูกโลกสีเขียว ปี 2552
- โล่เกียรติคุณ ช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ สาขา ส่งเสริมและพัฒนาชุมชน ประจำปี 2552
- รางวัล เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2551
- รางวัลเกษตรกรดีเด่น อาชีพไร่นาสวนผสม ปี 2549
- รางวัลเกษตรกรดีเด่นด้าน เศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี 2549
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2548 ระดับเขต
- รางวัล หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2548 ระดับจังหวัด
- โล่เกียรติคุณ อาสาสมัครดีเด่นที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ
เป็นประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติ ประจำปี 2546
- รางวัลชนะเลิศ เกษตรกรดีเด่น อาชีพไร่นาสวนผสม ประจำปี 2546
- รางวัลเกษตรกรคนเก่ง สาขาแกลง ประจำปี 2545
- รางวัลเกษตรกรคนเก่ง สาขาแกลง ประจำปี 2545
- รางวัล ป่าชุมชนตัวอย่างระดับจังหวัด
- ผลงานดีเด่นด้านการเตรียมความพร้อมเกษตรกร
- ศูนย์ต้นแบบเครือข่าย แลกเปลี่ยนความรู้ เศรษฐกิจพอเพียง “ภูมิปัญญาไทย มีดีทุกเขต”
- โล่เชิดชูเกียรติคุณ ภูมิปัญญาผู้สูงอายุดีเด่น
- รางวัล ประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 2
ชีวิตที่พอเพียง
นายสมศักดิ์ เครือวัลย์ หรือ ผญ.สมศักดิ์ เดิมทำการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่พึ่งพาสารเคมีเป็นหลัก และได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อมาลงทุนแต่ประสบกับภาวะขาดทุนจากสภาพพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่เหมาะสมและมีปัญหาโรคพืชจากการผลิตแบบเดิมๆ และต้นทุนสูง ทำให้ไม่สามารถใช้หนี้ที่กู้ยืมมาได้ จึงพลิกผันตนเองมาทำการเกษตรโดยไม่พึ่งพาสารเคมี โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการไปศึกษาดูงาน ในโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ การทำเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและศึกษาฟาร์มตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ต่อมาเมื่อได้รับเลือกเป็นหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน จึงได้มีโอกาสเดินทางไปอบรมสัมมนาในพื้นที่ต่าง ๆ หลายแห่งโดยใช้เวลาศึกษาเรียนรู้และตัดสินใจนาน 2-3 ปี เพื่อเปลี่ยนมาทำการเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยไม่พึ่งพาสารเคมีทุกชนิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 และทำให้รู้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าลงมือทำจริงๆ สามารถทำให้รวยได้ ไม่ใช่การรวยเงินทอง แต่รวยปัจจัยสี่ ที่อยู่ในสวนในบ้านของเรา”
นายสมศักดิ์ ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และเป็นแบบอย่างให้คนในชุมชน จนได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลสองสลึง โดยใช้พื้นที่ทำการเกษตรของตนเองเป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ สร้างเครือข่ายและจัดการด้านการผลิตและการตลาดในชุมชนปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมสนับสนุน ในการสร้างองค์ความรู้และถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรทั่วไป นายสมศักดิ์ เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคมภายนอก โดยเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตอย่างมั่นคง ครอบครัวอบอุ่น มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น รักษาสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ดิน น้ำ และป่า ให้เอื้อต่อการดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืนโดยยึดหลักที่ว่า “เมื่อเราเอาตัวรอดได้แล้ว เราต้องช่วยแบ่งปันผู้อื่น การเรียนรู้เรื่อง แนวพระราชดำริของในหลวง เรียนอย่างไรก็ไม่จบ เพราะศาสตร์การเรียนรู้ของพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่ลงมือทำ”
ความพอประมาณ
ไม่เกินความสามารถ ไม่มากหรือน้อยเกินไป พอดี ตามศักยภาพของตน ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม เป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ ในรูปแบบการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง เดินทางสายกลาง ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรและร่วมกันจัดกิจกรรมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดภาวะโลกร้อน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และนำแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาปฏิบัติอย่างจริงจัง
ความมีเหตุผล
รู้เท่าทันปัจจัยภายนอกและภายใน สามารถนำมาแก้ไขและพัฒนาโดยการจัดแผนพัฒนาให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงานบนพื้นฐานของตนเอง เคารพกฎ กติกา ระเบียบวินัย ข้อกฎหมาย รู้จักการวางแผนการใช้จ่าย สิ่งใดที่จำเป็นหรือสิ่งใดสามารถทำได้ด้วยตนเอง ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ความมีเหตุผลและการสร้างภูมิคุ้มกันในการปฏิบัติตน เมื่อปฏิบัติกับตนเองได้แล้วก็จะนำไปพัฒนาให้กับผู้อื่น
การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง ด้านต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ การดูแล คุณภาพชีวิต การเงิน การประกอบอาชีพ สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการออมสร้างหลักประกันระบบการเงินในครัวเรือนและในชุมชน ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางอาชีพ
ความรอบรู้
รู้เขา รู้เรา รู้ความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลงของโลก ประเทศ ชุมชน และตัวเราเอง แล้วเตรียมความพร้อมในการรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว พัฒนาให้ควบคู่เท่าทันเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำไปทีละก้าว โดยอาศัยปัจจัยภายในเป็นหลัก ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นำองค์ความรู้ที่มีมาทำให้เกิดประโยชน์และเพิ่มการขยายองค์ความรู้ ส่วนด้านคุณธรรมการใช้วิถีชีวิตของชุมชนมาเป็นหลักการทำงาน คือ ความซื่อสัตย์ โปร่งใส เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยมียุทธศาสตร์ในการทำงานคือ “อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย”
ความมีคุณธรรมตามหลักศาสนา
ใช้ขันติในการปฏิบัติงานและทำงานโดยยึดหลักศาสนาในการดำรงชีวิต การพึ่งพาตนเองทางสายกลาง(มัชฌิมาปฏิปทา) ทางแห่งความสำเร็จ โดยใช้อิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ใช้สังคหวัถตุ 4 คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา และการพึ่งพาตนเอง อัตตาหิ อัตตโนนาโถ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต การพึ่งตนเอง การอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักและสามัคคีเกื้อกูลกัน
ผลงานที่สร้างคุณประโยชน์
1. ใช้หลักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นวิชาหลักในการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน เช่น โครงการพักชำระหนี้ อบรมสมาชิกกองทุนฟื้นฟูโครงการเรียนรู้การเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นแกนนำ ในการให้ความรู้โดยเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ใช้ภูมิปัญญาพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุดรวบรวมและกระจายผลผลิตของชุมชนออกนอกเขตจังหวัด เพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยการแปรรูปและลดต้นทุนในการขนส่งขายตรงต่อผู้บริโภค
2. จัดทำฐานศึกษาดูงานในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เปิดเป็นฐานการเรียนรู้ อาทิ ฐานปุ๋ยหมัก ฐานเตาถ่าน-น้ำส้มควันไม้ ฐานไบโอดีเซล ฐานหมูหลุม ฐานบ่อปลา-บำบัดน้ำ ฐานโซล่าเซล เป็นต้น ทำให้เกษตรกรทั่วไปรู้จักการพึ่งตนเองโดยสร้างปัจจัยการผลิตขึ้นมาแทนสารเคมี สร้างปัจจัยการผลิตในการทำการเกษตร เรียนรู้ทดลองทฤษฎีต่าง ๆ โดยใช้พื้นที่เกษตรกรรมของตนเองเป็นต้นแบบเพื่อให้เห็นผลจากการปฏิบัติจริง
3. เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมสินค้า/ผลิตภัณฑ์ที่คนในชุมชนผลิตขึ้นและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีผู้คนเข้ามาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก ก็สามารถหาตลาดเพื่อเป็นแหล่งรองรับสินค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้ชุมชนมีการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างมูลค่าของสินค้าทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
สร้างเครือข่ายในการขยายผลงานหรือองค์ความรู้
โดยการนำผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นต้นแบบฝึกสอนวิชาโดยการเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงในศูนย์ฯ มีการประสานงานองค์ความรู้ให้องค์กรเข้ามาเป็นวิทยากรถ่ายทอดเพิ่มศักยภาพในการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้สูงขึ้นและมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิทยากรและองค์ความรู้จากศูนย์ฝึกอบรมต่างๆผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ร่วมถึงมีการเปลี่ยนความรู้ระหว่างเครือข่าย สถาบัน องค์กรต่างๆที่เป็นแหล่งความรู้ที่มาประยุกต์ใช้และถ่ายทอดต่อกัน
การขยายผลงาน
นายสมศักดิ์ ได้ใช้พื้นที่ทำการเกษตรของตนเองเป็นแหล่งการเรียนรู้ฯ ซึ่งผลงานต่าง ๆ ได้นำไปใช้แก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างกว้างขวางทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ จนได้รับรางวัลจากหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยใช้สภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ มาเป็นสื่อตัวอย่าง เพื่อนำมาแก้ไขและประยุกต์ใช้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยหมัก หมูหลุม บำบัดน้ำ บำบัดดิน เป็นต้น การผลิตพลังงาน เช่น ไบโอดีเซล โซล่าเซล แก๊สชีวภาพ เผาถ่าน เป็นต้น การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการนำหลักแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ ในพื้นที่เกษตรกรรม 1 ไร่ 3 ไร่ 5 ไร่
การขยายผลงานนอกจากจะถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าวผ่านการบรรยายโดยตรงแก่ผู้มาเรียนรู้ ศึกษาดูงานแล้วยังมีการเผยแพร่ผลงานผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ มีทีมงานเครือข่ายการขยายผลทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ มีการปรับปรุงพัฒนาทั้งพื้นที่ศูนย์ฯ หลักสูตรในการฝึกอบรม ฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในด้านสังคมและภูมิศาสตร์ ให้มีศักยภาพที่สูงขึ้นในการเป็นต้นแบบที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม จนสามารถมองเห็นเกษตรพอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป