1. เปลี่ยนการแสดงผล :
    2. C
    3. C
    4. C
    5. C
    6. ตัวช่วยการเข้าถึงเว็บไซต์
    7. แผนผังเว็บไซต์
    8. EN
    9. TH
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Ministry of Agriculture and Cooperatives
ตราสัญลักษณ์ 132 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“รมว.ธรรมนัส” ชูผลงานชิ้นโบว์แดงกรมประมง แก้กฎหมายรอง 19 ฉบับ พร้อมเสนอ พ.ร.บ. การประมงใหม่ เข้าสภาสำเร็จ ลั่น! ฟื้นประมงไทยกลับมาเป็นจ้าวสมุทร ผู้นำด้านสินค้าประมงตลาดโลกอีกครั้ง ด้านกรมประมงขานรับขับเคลื่อน 9 นโยบายหลัก 7 ข้อสั่งการเร่งด่วน
8 มี.ค. 2567
502
137
“รมว.ธรรมนัส”ชูผลงานชิ้นโบว์แดงกรมประมง
“รมว.ธรรมนัส” ชูผลงานชิ้นโบว์แดงกรมประมง แก้กฎหมายรอง 19 ฉบับ พร้อมเสนอ พ.ร.บ. การประมงใหม่ เข้าสภาสำเร็จ ลั่น! ฟื้นประมงไทยกลับมาเป็นจ้าวสมุทร ผู้นำด้านสินค้าประมงตลาดโลกอีกครั้ง ด้านกรมประมงขานรับขับเคลื่อน 9 นโยบายหลัก 7 ข้อสั่งการเร่งด่วน

“รมว.ธรรมนัส” ชูผลงานชิ้นโบว์แดงกรมประมง แก้กฎหมายรอง 19 ฉบับ พร้อมเสนอ พ.ร.บ. การประมงใหม่ เข้าสภาสำเร็จ ลั่น! ฟื้นประมงไทยกลับมาเป็นจ้าวสมุทร ผู้นำด้านสินค้าประมงตลาดโลกอีกครั้ง ด้านกรมประมงขานรับขับเคลื่อน 9 นโยบายหลัก 7 ข้อสั่งการเร่งด่วน

    ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขับเคลื่อนนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กรมประมง” โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมประมงเข้าร่วมกว่า 600 คน ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง พร้อมถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ไปยังหน่วยงานส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ว่า ภาคการประมงถือเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ภาคการประมงมีมูลค่าสูงถึง 126,240 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมประมงให้สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลด้านการเกษตรที่ต้องการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกรให้มีความกินดีอยู่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี ด้วยการขับเคลื่อน 9 นโยบายสำคัญ และ 7 ข้อสั่งการเร่งด่วน

    “นโยบายสำคัญต่างๆ นั้น ต้องขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องชาวประมงทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ต้องขอชื่นชมกรมประมง ที่ได้ปฏิบัติงานกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายประมงลำดับรองจำนวน 19 ฉบับ ได้สำเร็จ ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน รวมถึงผลักดันร่าง พรบ.การประมงใหม่ ที่กำลังแก้ไขอยู่ในสภาขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงเดินหน้าเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าประมงผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาสินค้าประมงตกต่ำ ล้นตลาด รวมทั้ง ต้องหามาตรการในการลดต้นทุนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้ากรมประมงทุกท่าน ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดูแลพี่น้องชาวประมงทั้งแถบทะเลอันดามัน อ่าวไทย และประมงน้ำจืด เพื่อให้ชาวประมงได้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจน มุ่งเป้าขับเคลื่อนเพื่อให้ประมงไทยกลับมาเป็นจ้าวสมุทรอีกครั้ง“ รมว.ธรรมนัส กล่าว

     สำหรับผลงานการขับเคลื่อน 9 นโยบายสำคัญของกรมประมง ดังนี้ 1) จัดตั้งศูนย์บริการประชาชน สนับสนุนการทำงานของศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช และขับเคลื่อนดำเนินงานโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการประมงเกิดผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาด้านการประมงที่มีเอกภาพและเป็นรูปธรรมในภาพรวม 2) ขับเคลื่อนภารกิจ ยกระดับ MR. สินค้าเกษตรด้านประมง ได้แก่ MR. ปลานิล กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล และปลากะพงขาว พร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำอย่างต่อเนื่อง 3) ป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู รับมือภัยแล้ง / ภัยพิบัติธรรมชาติ โดยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านการวางแผนการรับมือภัยจากธรรมชาติ ควบคู่กับการวางแผนการผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำจืดและปล่อยลงสู่แหล่งน้ำเพื่อทดแทนสัตว์น้ำที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ภายในปี 2567 จำนวนทั้งสิ้น 256,000,000 ตัว 4) ปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าประมงผิดกฎหมาย โดยบูรณาการทำงานร่วมกับทีมเฉพาะกิจพญานาคราช และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เพื่อยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันการลักลอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าประมง

     5) ผลักดันสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง เป้าหมายกลุ่มเกษตรกรจำนวน 23 กลุ่ม 7 สินค้ามูลค่าสูง ได้แก่ ปลาสวยงาม กุ้งทะเลต้มสุก / แช่แข็ง กุ้งทะเลมีชีวิต ปลานิล กุ้งก้ามกราม ปลากะพงขาว และปูม้า พร้อมวางแผนผลักดันสัตว์น้ำไทยสู่ Soft power ในอนาคต เช่น ปลากัดไทย ปลาพลวงชมพู ปลานิลน้ำไหล เป็นต้น 6) ส่งเสริมเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรเป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร สนับสนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น โดยส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการประมงจำนวน 200 ชุมชนทั่วประเทศ และเดินหน้าโครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 มีเป้าหมายดำเนินการในแหล่งน้ำ 200 แห่งทั่วประเทศ 7) ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พัฒนาสินค้าประมงที่ผลิตภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ได้แก่ สาหร่ายทะเล ไข่น้ำ ปูม้า และกุ้งก้ามกราม รวมถึงมีการดำเนินโครงการฟางมา ปลาโต สนับสนุนให้มีการนำฟางเหลือใช้จากการทำนามาเป็นวัตถุดิบในการสร้างอาหารสัตว์น้ำจากธรรมชาติ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและลดฝุ่น pm 2.5 จากการเผาฟาง 8) สร้างระบบประกันภัย เกษตรกรไทย สุขใจถ้วนหน้า ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องเกษตรกรและชาวประมง อาทิ โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง โครงการประกันภัยเรือประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ฯลฯ และ 9) บริการทางการเกษตรที่ใช่ เลือกใช้ให้เหมาะสม ด้วยการสนับสนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง

     ในส่วนของ 7 ข้อสั่งการเร่งด่วน ประกอบด้วย 1) แก้ไขปัญหาการทำประมง โดยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่มีผลกระทบต่อพี่น้องชาวประมงโดยตรง ซึ่งปัจจุบันกรมประมงได้มีการแก้ไขกฎหมายประมงลำดับรองจำนวน 19 ฉบับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ.    เพื่อให้บทบัญญัติบางประการสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมง เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และสามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ 2) เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยแปลงสินทรัพย์ภาคการประมงด้วยการเพิ่มมูลค่าบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือกระชังและจัดตั้งเป็นกองทุนการประมง 3) สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ได้รับการพักชำระหนี้ ผ่านโครงการที่ส่งเสริมพัฒนาอาชีพชาวประมงและเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำและปล่อยลงสู่แหล่งน้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวประมง ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้วกว่า 107.808 ล้านตัว แบ่งเป็นสัตว์น้ำจืด 48 ชนิด จำนวน 83 .490 ล้านตัว และสัตว์ทะเล 11 ชนิด จำนวน 24.318 ล้านตัว

     4) พัฒนาพันธุ์สัตว์น้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งเสริมการใช้สัตว์น้ำพันธุ์คุณภาพดี มูลค่าสูง โดยมีแผนปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำพันธุ์ดี 14 สายพันธุ์ เช่น กุ้งก้ามกราม มาโคร 1 ตะเพียนขาวนีโอเมล ฯลฯ และพัฒนาสัตว์น้ำพันธุ์ใหม่  2 สายพันธุ์ ได้แก่ กุ้งขาว เพชรดา 1 และกุ้งขาว ศรีดา 1 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค 5) การเปิด / ขยายตลาดสินค้าเกษตรต่างประเทศ เช่น การส่งออกกุ้งก้ามกรามไปยังประเทศจีน เป็นต้น 6) การขยายผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพัฒนาพื้นที่โครงการหลวงด้านการประมงอย่างต่อเนื่อง 7) ติดตามการดำเนินงานด้านการประมง ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา นำมาสู่การปฏิบัติแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

    นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงาน และบุคลากรในสังกัดกรมประมง รวมถึงสร้างการรับรู้ในแนวทางการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติราชการที่ถูกต้อง ชัดเจน เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย ที่กำหนด โดยกรมประมงพร้อมที่จะขับเคลื่อนภารกิจตามข้อสั่งการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการธุรกิจประมง ชาวประมง และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน อันจะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการประมงของประเทศไทยต่อไป

Loading...
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตกลง