1. เปลี่ยนการแสดงผล :
    2. C
    3. C
    4. C
    5. C
    6. ตัวช่วยการเข้าถึงเว็บไซต์
    7. แผนผังเว็บไซต์
    8. EN
    9. TH
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Ministry of Agriculture and Cooperatives
ตราสัญลักษณ์ 132 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่พะเยา มอบเงินสินเชื่อชะลอข้าวเปลือกนาปีให้ชาวนา 1.862 ล้านบาท ตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว 66/67 หนุนกลไกสหกรณ์สร้างความเข้มแข็งเกษตรกรไทย
17 มี.ค. 2567
267
0
รมว.ธรรมนัสลงพื้นที่พะเยามอบเงินสินเชื่อชะลอข้าวเปลือกนาปีให้ชาวนา
รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่พะเยา มอบเงินสินเชื่อชะลอข้าวเปลือกนาปีให้ชาวนา 1.862 ล้านบาท ตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว 66/67 หนุนกลไกสหกรณ์สร้างความเข้มแข็งเกษตรกรไทย

        ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบเงินตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร ปี 2566/67 พร้อมมอบนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับพื้นที่และเกษตรกร และมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร ในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา ดอกคำใต้ และภูซาง จำนวน 300 ราย โดยมีนายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

        ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2566/67 สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด ได้รวบรวมข้าวเปลือกของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ จำนวน 24,280 ตัน มูลค่า 297,474,498.06 บาท โดยได้นำข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 4,653 ตัน จำนวนเงินกู้ 170,000,000 บาท โดยได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 6,979,500 บาท โดยเป็นค่าเก็บรักษาของสหกรณ์ตันละ 1,000 บาท เป็นเงิน 5,117,500 บาท สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรได้รับตันละ 500 บาท เป็นเงิน 1,862,000 บาท สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จำนวน 1,014 ราย

        “มาตรการเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา และเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรรวมทั้งสถาบันเกษตรกร ได้ชะลอการขายข้าวเปลือกเอาไว้ก่อน เพื่อรอราคาไม่ต้องรีบขายไปพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาตกต่ำ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ซึ่งการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรนั้น จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องตลาดนำ มีความรู้เชิงธุรกิจ พร้อมเรียนรู้และเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเกษตร อีกทั้งการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกลไกที่จะช่วยให้เกษตรกรรวมกลุ่มได้เข้มแข็งคือขบวนการสหกรณ์ ดังนั้นสหกรณ์ต้องมีความเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องสมาชิกและเกษตรกรต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

Loading...
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตกลง