ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร ปี 2566/67 ให้แก่สถาบันเกษตรกร 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรแม่ใจ จำกัด สหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้าน จำกัด สหกรณ์การเกษตรมืองพะเยา จำกัด สหกรณ์การเกษตรจุน จำกัด และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ 6 ราย รวม 25,654,350 บาท ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ โดยเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรไม่ให้ออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก และเป็นการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ในระหว่างรอการขายข้าวเปลือก รัฐบาลช่วยค่าเก็บฝากและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาท/ตัน ณ สหกรณ์การเกษตรแม่ใจ จำกัด อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งในปีการผลิต 2566/67 สหกรณ์การเกษตรแม่ใจ จำกัด ได้รวบรวมข้าวเปลือกของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ จำนวน 20,733 ตัน มูลค่ามากกว่า 241.88 ล้านบาท โดยได้นำข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการตามมาตรการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวผ่านสถาบันเกษตรกร โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี จำนวน 10,361 ตัน จำนวนเงินกู้ 124,342,800 บาท โดยได้รับค่าเก็บฝากและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 15,542,850 บาท โดยเป็นค่าเก็บรักษาของสหกรณ์ตันละ 1,000 บาท เป็นเงิน 10,361,900 บาท สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรได้รับตันละ 500 บาท เป็นเงิน 5,180,950 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกรทั่วไปได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการมากถึง 3,221 ราย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 66 ที่เห็นชอบในหลักการมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/67 และได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรวม 10,601.96 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/67 วงเงินรวม 55,038.96 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 44,437 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด 10,601.96 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารและจัดการข้าว (นบข.) เสนอมาตรการให้เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท โดยมีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือนที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2566/67 กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยให้เงินช่วยเหลือรายละ 1,000 บาท กับเกษตรกรครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
“มาตรการเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา และเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรรวมทั้งสถาบันเกษตรกรได้ชะลอการขายข้าวเปลือกเอาไว้ก่อนเพื่อรอราคาไม่ต้องรีบขายไปพร้อมกัน จะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ทั้งทางด้านรายได้และการยอมรับของสังคม การเพิ่มรายได้ เกษตรกรจะต้องมีความเข้าใจในเรื่อง ตลาดนำ มีความรู้เชิงธุรกิจ เรียนรู้และเข้าถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเกษตร ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรก็เป็นสิ่งสำคัญ กลไกที่จะช่วยให้เกษตรกรรวมกลุ่มได้เข้มแข็ง คือ ขบวนการสหกรณ์ ดังนั้นสหกรณ์จะต้องมีความเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรต่อไป” รมว.ธรรมนัส กล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การแปรรูปยางพารา การออกโฉนดในพื้นที่ ส.ป.ก. ศูนย์บริการพิรุณราช การส่งเสริมการเลี้ยงโคขุน การส่งเสริมอาชีพของสมาชิกสหกรณ์ นอกจากนี้ สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ยังได้จัดแสดงและจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องเกษตรกร อาทิ กาแฟ ข้าวสารหอมมะลิ ข้าวกล้อง ปลานิลแดดเดียว เนื้อโคขุน ไข่เป็ด ผ้าอีโคปริ้น และพืชผักสวนครัว
ทั้งนี้ จังหวัดพะเยา มีสถาบันเกษตรกรที่ดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือกในฤดูกาลผลิต จำนวน 11 แห่ง และมีสหกรณ์การเกษตร 4 แห่ง เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 ได้แก่ สหกณรณ์การเกษตรแม่ใจ จำกัด สหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา จำกัด สหกรณ์การเกษตรจุน จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้าน จำกัด ผลการรวบรวมข้าวที่เข้าร่วมโครงการตามมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี จำนวน 17,102.90 ตัน จำนวนเงินกู้ 204,604,800 บาท ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับการสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกผ่านสหกรณ์รวม 25,654,350 บาท โดยเป็นค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกของสหกรณ์ 17,102,900 บาท และเกษตรกรได้รับเงิน 8,551,450 บาท ซึ่งมีจำนวนสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ 5,722 ราย ที่ได้นำข้าวเปลือกมาจำหน่ายและเข้าร่วมโครงการผ่านสหกรณ์การเกษตรทั้ง 4 แห่ง