สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) : ต้นแบบของการรวมกลุ่มในรูปสหกรณ์
แต่เดิมมาชาวราชบุรีและชาวนครปฐม ที่อาศัยอยู่แถบที่ดอนมักเลี้ยงวัว ไทยไว้ไถนา อันเป็นธรรมเนียมของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวมอญและชาวยวนเสีย ส่วนใหญ่ ต่อมาเมื่อทางราชการสนับสนุนการเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพใหม่ให้แก่ ชาวบ้าน จึงเริ่มมีการตั้งฟาร์มเลี้ยงโคนมขึ้น เช่น ฟาร์มตวงสุวรรณของผู้ใหญ่ หยุ่น ตวงสุวรรณ เป็นฟาร์มที่รับซื้อนมแห่งแรกในจังหวัดราชบุรี และยังผลิต อาหารสัตว์ตวงสุวรรณขายด้วย ชาวบ้านในหลายหมู่บ้านจึงตื่นตัวเปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้เลี้ยงโคนม
ความเป็นมา
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในจังหวัดราชบุรี ได้ ประสบปัญหาใหญ่เกี่ยวกับสถานที่จําหน่ายน้ำนมดิบ ซึ่งเกิดความเสียหาย เป็นอย่างมาก ทําให้ประสบภาวะการขาดทุนในการประกอบอาชีพ กลุ่มผู้นํา เกษตรกรตําบลหนองโพและเขตใกล้เคียง ได้ขอความช่วยเหลือจากสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี ในขณะนั้นคือ นายจรูญ วัฒนากร ให้ติดต่อผู้รับซื้อ น้ำนมดิบ และได้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตกลงเป็นผู้รับซื้อ เกษตรกรผู้เลี้ยง โคนมจึงรวมกลุ่มจัดตั้งศูนย์รวมน้ำนมหนองโพขึ้น โดยได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากทางราชการและทุนของกลุ่มเกษตรกรเป็นทุนในการก่อสร้าง อาคารศูนย์รวมน้ำนมพร้อมติดตั้งเครื่องทําความเย็นและเริ่มดําเนินการรับซื้อ น้ำนมดิบจากเกษตรกร เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ การดําเนินการ ประสบผลสําเร็จแต่ยังไม่เพียงพอต่อการรับสถานการณ์น้ำนมดิบที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจึงเคลื่อนไหวจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมที่ตําบล หนองโพ เมื่อตอนต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นสหกรณ์ประเภทการบริการชื่อสหกรณ์ โคนมราชบุรี จํากัด ในวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๔ มีสมาชิกแรกตั้ง ๑๘๕ คน และได้รับโอนกิจการของศูนย์รวมน้ำนมหนองโพมาดําเนินการต่อ
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ สหกรณ์ฯ ได้ยื่นขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง ชื่อใหม่เป็น สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด เป็นสหกรณ์ประเภท การเกษตร เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ และใช้ชื่อนี้ตลอดมา ก่อนที่จะมีการก่อตั้งศูนย์รวมน้ำนมและสหกรณ์นั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ สถานีผสมเทียมจังหวัดราชบุรี ได้นําเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเข้าเฝ้าละอองธุลี พระบาทในวโรกาสที่เสด็จฯ เปิดโรงงานนมผงสวนจิตรลดา ณ พระราชวัง สวนจิตรลดา และในครั้งนั้น เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจังหวัดราชบุรี ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาถึงปัญหาความเดือดร้อนที่ไม่มีตลาดจําหน่ายน่านมดิบ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ความช่วยเหลือในการที่จะ สร้างโรงงานนมผงขึ้น
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ นายทวิช กลิ่นประทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ราชบุรีในขณะนั้นได้ทราบปัญหาของผู้เลี้ยงโคนม จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินจํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพิจารณา นํามาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมดังกล่าว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้พระราชทานเงินจํานวนนี้ร่วมกับทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จํานวน ๑,๐๐๒,๐๐๐ บาท มาก่อสร้างและจัดตั้งโรงงานนมผงขึ้น ณ ตําบลหนองโพ อําเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โดยได้ดําเนินการในรูปบริษัท จํากัด ใช้ชื่อว่า บริษัทผลิตภัณฑ์ นมหนองโพ จํากัด และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และได้เสด็จพระราชดําเนินเปิดโรงงานนมผงหนองโพ ซึ่งขยายแบบไปจากโรงนมผงสวนดุสิต เมื่อ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมี พระราชปรารภในการจัดตั้งโรงงานนมผงว่า "เมื่องานของสหกรณ์โคนมเจริญ ก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์ สมาชิกสหกรณ์ต่างมีความเข้าใจในหลักสหกรณ์ และ ดําเนินกิจการของสหกรณ์ได้ดี ถูกต้องตามหลักของสหกรณ์ และมีหลักฐาน มั่นคง จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จํากัด พร้อมด้วยโรงงาน ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสหกรณ์และ ให้สหกรณ์ดําเนินกิจการในรูปสหกรณ์ต่อไปตามพระราชประสงค์"
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ คณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ได้จัดสร้างโรงงาน ผลิตภัณฑ์นมหลังใหม่ และติดตั้งเครื่องจักรผลิตนมที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน สากลอย่างถูกหลักสุขภาพและอนามัย เพื่อรองรับปริมาณน้ำนมดิบที่เพิ่มมาก ขึ้นตามลําดับ
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุมัติโอนกิจการทั้งหมดของบริษัทผลิตภัณฑ์นมหนองโพ จํากัด ให้ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด รับไปดําเนินการ และทรงรับสหกรณ์นี้ ไว้ให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ หลังจากโรงงานผลิตภัณฑ์นมหลังใหม่สร้างเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดําเนิน เปิดอาคารโรงงานผลิตภัณฑ์นมหลังใหม่ ได้มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จ พระราชกุศล เป็นจํานวนเงิน ๑๒๙,๐๐๐ บาท ซึ่งได้พระราชทานเงินทั้งหมดให้ สหกรณ์นําไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาแก่บุตรหลานของสมาชิก โดย สหกรณ์นําเงินจํานวนดังกล่าวจัดตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อการศึกษา ได้รับพระราชทาน นามว่า มูลนิธิพระบารมีปกเกล้า ดําเนินการจัดสรรดอกผลเป็นทุนการศึกษา ให้แก่บุตรของสมาชิกตามพระราชประสงค์ ในวันที่ ๑๗ ตุลาคมของทุกปีเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน (ปี ๒๕๒๒ - ๒๕๓๙) สามารถดําเนินการจัดสรรทุนเพื่อการ ศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงระดับอาชีวศึกษา รวมทั้งสิ้น ๑.๓๑๗ ทุน เป็น เงิน ๗๘๐๘๐๐ บาท อีกทั้งผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์เข้ามูลนิธิตลอด มาทุกปีเช่นกัน ปัจจุบันมูลนิธิจึงยังคงมีทุนทรัพย์ จํานวน ๑,๒๕o,๙๘๖.๙๘ บาท ซึ่งจะได้ใช้ดําเนินการตามพระราชประสงค์ต่อไป
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดําเนินใน งานฉลองครบรอบ ๑๕ ปี ของสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ใน พระบรมราชูปถัมภ์) ได้ทอดพระเนตรการผลิตผลิตภัณฑ์นมภายในโรงงานของ สหกรณ์ฯ การจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของสหกรณ์ฯ ตลอดจน เครื่องมือเครื่องใช้ในการเลี้ยงโคนมและอุปกรณ์การผลิตนม ขณะทอดพระเนตร การจัดแสดงนิทรรศการของสหกรณ์อยู่นั้น มีพระราชกระแสรับสั่งกับคณะ กรรมการดําเนินการของสหกรณ์ว่านิทรรศการเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นวิชาการ ทางหนึ่งสําหรับการศึกษาหาความรู้ของคนรุ่นหลัง จึงควรเก็บรักษาไว้โดยการ สร้างพิพิธภัณฑ์ทางด้านโคนม พร้อมกันนั้นได้พระราชทานเงินจํานวน ๙๖๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สหกรณ์เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว
อาคารพิพิธภัณฑ์โคนมก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้รับ พระราชทานนามว่าอาคารเทพฤทธิ์เทวกุล เพื่อเป็นที่ระลึกแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้ซึ่งออกแบบอุปกรณ์เครื่องใช้ในการผลิตนมผงของโรงงาน นมผงหนองโพ
วัตถุประสงค์
สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) มีวัตถุประสงค์สําคัญในอันที่จะช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน และช่วยตัวเองในการประกอบอาชีพ ให้มีรายได้ที่แน่นอนและมี มาตรฐานการครองชีพสูงขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของสหกรณ์ก็มีวัตถุประสงค์หลักที่เน้นการผลิตผลิตภัณฑ์นมที่ ถูกต้องตามหลักมาตรฐาน ส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสําคัญของการบริโภค นมที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อสมาชิกและมวลชนในสังคมทั่วไป
ผลการดําเนินงาน
สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ได้ดําเนิน กิจการตามแนวพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดมาจน ถึงปัจจุบัน เกษตรกรมีรายได้มั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่มีปัญหาความ เดือดร้อนในเรื่องสถานที่จําหน่ายน้ำนมดิบ ตลอดจนโรงงานสามารถผลิต ผลิตภัณฑ์นมจําหน่ายไปได้ทั่วประเทศ โดยมีกําลังการผลิตเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำนมดิบที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมผลิตได้ เมื่อประกอบกับการดําเนินงาน
ในลักษณะของสหกรณ์ที่ผลประโยชน์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะตกอญู่กับสมาชิกแล้วนับได้ว่าสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) คือเครื่องมือที่ใช้ในทางออกของการแก้ปัญหาและสามารถแก้ไขความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้อย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้จากการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์มีความก้าวหน้ามาตลอด ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก ๔,๗๑๑ คน
ด้วยพระวิจารณญาณอันกว้างไกลที่ทรงดำริให้สร้างโรงงานขึ้นมาเพื่อให้เกษตกรผุ้ผลิตโคนมเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และจำหน่ายเอง นับแต่นั้นมาปัญหานมล้นตลาดก็หายไป สมาชิกส่วนใหญ่มีรายได้ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากขายน้ำนมดิบให้สหกรณ์แล้ว ลูกหลานของสมาชิกร้อยละ ๘๐ ยังทำงานในโรงงานแห่งนี้ด้วยโรงงานนี้จึงไม่ขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้เพราะสหกรณ์แห่งนี้ยึดแนงพระราชดำริที่เคยรับสั่งว่า อย่าพยายามใช้กลไกมากกว่าคนใช้ กล่าวคือ เมื่อคนมีความผูกพัน มีกิจกรรมร่วมกันก็ย่อมมีความภักดีต่อองค์กร องค์กรนั้นก็ย่อมเจริญรุดหน้า เช่นเดียวกันกับสหกรณ์โคนมหนองโพแห่งนี้ ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจสำคัญยิ่งที่ทำให้เกิดการรวมตัวกกันตั้งแต่เป็นสหกรณ์ของผู้เลี้ยงโคนมในภูมิภาคอื่นๆ ในเวลาต่อมา